อังคารคลุมโปงเอ็กซ์ตรีม
อังคารคลุมโปงเอ็กซ์ตรีม

อังคารคลุมโปงเอ็กซ์ตรีม ซีรีส์สุดหลอน สร้างจากเรื่องเล่า จากรายการวิทยุ

อังคารคลุมโปงเอ็กซ์ตรีม ขณะนี้ต้องยกให้กับความหลอน Deadpool ของซีรีส์ใหม่จาก Netflix “อังคารคลุมโปงเอ็กซ์ตรีม” (Terror Tuesday Extreme) ที่ได้แรงบันดาลใจจากรายการวิทยุยอดนิยม “อังคารคลุมโปง” ของ EFM โดยถ่ายทอดเป็นซีรีส์ 8 ตอนที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสยองขวัญที่เข้มข้น ทำให้ผู้ชมต้องนอนคลุมโปง หลังจากสตรีมพร้อมกันครบทั้ง 8 ตอนเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ซีรีส์นี้ก็ขึ้นอันดับ 1 รายการทีวีที่มียอดผู้ชมสูงที่สุดบน Netflix ในเวลาเพียงวันเดียว พร้อมกระแสคำวิจารณ์จากผู้ชมเกี่ยวกับความหลอน การแสดงของนักแสดงนำ และโปรดักชันที่ยอดเยี่ยม ใครดูครบทั้ง 8 ตอนแล้ว มาร่วมแชร์กันหน่อยว่าชอบตอนไหนที่สุด และสำหรับใครที่ยังไม่ได้ดู สามารถรับชม “อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม” ได้แล้ววันนี้บน Netflix เท่านั้น

ตอน “น้องสาวที่หายไป” เป็นตอนเปิดที่ทำได้ดีมาก คาสิโน 168 โดยเฉพาะในเรื่องความเข้าใจง่าย ซึ่งถือว่าชัดเจนที่สุดในทุกตอน เรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวหนึ่งที่มีแม่และลูกสาวอยู่ด้วยกันสามคน จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุที่นำไปสู่ความหลอน เมื่อแม่ได้นำตุ๊กตามาบูชาและบอกว่าคือลูกของเธอ ตุ๊กตานั้นมีหน้าตายิ้มแต่กลับดูน่ากลัวมาก จุดพีคของเรื่องจะเกิดขึ้นในช่วงท้ายที่ทำให้รู้สึกหลอนอย่างมาก โดยเฉพาะการแสดงของเฌอปรางในฉากพูดคนเดียว อีกฉากที่สะเทือนใจคือฉากนั่งกินข้าวคนเดียว ซึ่งทำให้รู้สึกว่าในตอนนั้นไม่มีใครเหลืออยู่จริง ๆ แค่ต้องการอะไรสักอย่างเพื่อยึดเหนี่ยวชีวิตของตัวเอง

ตอน “ชุดวิวาห์อาถรรพ์” สำหรับความหลอนของเรื่องนี้ให้ 10 เต็ม 10 ฉากการหลอกต่างๆ ดูสมูทดีมาก เรื่องนี้เล่าถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำงานในร้านชุดเจ้าสาว ช่วงแรกทุกอย่างปกติดี แต่แล้วเธอก็เริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง เช่น พูดในสิ่งที่ไม่ได้คิดหรือทำบางอย่างโดยไม่รู้ตัว เรื่องราวค่อยๆ เพิ่มความน่าสนใจจนถึงฉากเฉลยที่ทำให้เราเข้าใจทุกอย่าง สิ่งสำคัญที่ได้จากเรื่องนี้คือ “ใครทำอะไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น”

เรื่อง “ครอบครัววิปลาส” เป็นเรื่องราวที่ผสมผสานความสยองขวัญ โดยเล่าถึงครอบครัวหนึ่งที่ดูเหมือนไม่ค่อยรักใคร่กันนัก หลังจากต้องย้ายไปอยู่ในบ้านเก่าที่ต่างจังหวัด บรรยากาศในบ้านเต็มไปด้วยความตึงเครียด จนกระทั่งมีห้องหนึ่งที่ถูกปิดตายถูกเปิดออก ความแปลกประหลาดเริ่มเข้ามาครอบงำพวกเขา เรื่องนี้มีความคล้ายคลึงกับหนังต่างประเทศที่เกี่ยวกับการถูกครอบงำในครอบครัว แต่แตกต่างตรงที่ความเลือดในเรื่องนี้ดูสมจริงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตอนจบอาจทำให้รู้สึกงงเล็กน้อย

ตอน “คำสาบาน” เล่าเรื่องราวของคู่รักที่มีความรักลึกซึ้ง ทั้งสองได้ไปไหว้ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับมีบางสิ่งติดตามพวกเขาไปและพยายามให้เปิดเผยความลับที่ซ่อนอยู่ บรรยากาศในเรื่องมีการตัดสลับที่ทำให้รู้สึกอึดอัด แต่ก็ถือเป็นตอนที่มีความสุขที่สุด เพราะสุดท้ายคู่รักนี้สามารถก้าวข้ามอุปสรรคได้ ด้วยการเปิดใจและพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา

เรื่อง “ครูเวร” เล่าเกี่ยวกับครูที่ย้ายมาสอนในต่างจังหวัด วันหนึ่งนักเรียนในห้องของเธอหายไป เมื่อไปตามที่บ้านจึงรู้ว่าเขาหนีไปเพราะติดยา แต่กลับมาบอกว่าเขาไม่ได้ติดยา แต่ยายต้องการเอาไปบูชายันต์ ครูจึงพยายามช่วยให้เด็กหนีไป แม้เธอไม่ใช่ครูตามมาตรฐานทั่วไป แต่ความเป็นครูของเธอสูงมาก เธอช่วยเด็กด้วยใจจริงและใส่ใจแม้ในรายละเอียดเล็กน้อย เช่น การสอบ เรื่องนี้ยังมีมุกตลกที่เพิ่มสีสันให้กับบรรยากาศอีกด้วย

ตอน “สาวข้างห้อง” เล่าเรื่องผู้ชายคนหนึ่งที่ย้ายเข้ามาในอพาร์ตเมนต์ และเริ่มได้ยินเสียงแปลก ๆ รวมถึงพบเจอเหตุการณ์ลึกลับต่าง ๆ เขาได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ข้างห้อง จึงพยายามสืบหาความจริงจนรู้เหตุผลทั้งหมด เรื่องนี้สื่อถึงความเชื่อที่ว่าผีต้องการให้เราอยู่ด้วย พล็อตมีการหักมุม แต่ส่วนตัวคิดว่าเดาพล็อตได้ง่ายตามเรื่องเล่าผีทั่วไป

เรื่อง “ยายไม่ใช่ยาย” เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่มียาย แม่ และลูกสาวอาศัยอยู่ด้วยกัน วันหนึ่ง แม่หายตัวไป และมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะตกน้ำ จึงพยายามแจ้งตำรวจให้ค้นหา แต่ไม่พบแม่เลย ยายจึงหาวิธีอื่น โดยใช้ศาสตร์ทางไสยศาสตร์ช่วย ซึ่งหลังจากทำตามคำแนะนำของคนทรง ยายก็กลับมาที่บ้าน แต่มีอาการแปลกๆ ไม่เหมือนเดิม สุดท้ายจึงพบศพของแม่ที่จมน้ำ ทำให้รู้ว่าคนที่อยู่ที่บ้านไม่ใช่แม่ตัวจริง ทุกอย่างจึงสายเกินไป เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่าการทำสิ่งบางอย่างอาจไม่ควรทำจริงๆ บางครั้งการรอคอยอาจจะดีกว่า เพราะเราอาจไม่ได้คนที่เรารักกลับมา และยังได้สิ่งที่ไม่รู้จักกลับมาแทน

ตอน “คำสาบส่งต่อ” เล่าเรื่องแม่ลูกคู่หนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก วันหนึ่งขณะที่แม่กำลังซักผ้า เธอได้ฟังเรื่องเล่าจากรายการ “อังคารคลุมโปง” หลังจากนั้นเธอก็ประสบกับเหตุการณ์ประหลาดที่คล้ายกับเรื่องที่ได้ฟัง ทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนในเรื่องที่เธอได้ยิน สำหรับเรื่องนี้ ฉันมองว่าไม่ได้น่ากลัวมากนัก แต่เล่นกับจิตวิทยาและความยากลำบากในชีวิตของผู้คนมากกว่า